วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

วิธีการดูแลรักษาไม้ประดับ

วิธีการดูแลรักษาไม้ประดับ
           หลังจากทำการปลูกไม้ประดับลงในแปลงใหม่ ๆ ควรทำร่มบังแดดให้กับต้นกล้าที่ปลูกประมาณ 7 - 10 วัน เพื่อช่วยให้ต้นกล้านั้นตั้งตัวได้เร็วขึ้น สำหรับการดูแลรักษาที่ควรปฏิบัติ คือ
           1. การให้น้ำ เมื่อทำการปลูกใหม่ ๆ ควรรดน้ำให้วันละ 2 ครั้ง คือในตอนเช้าและตอนเย็น หรือตามความต้องการของพันธุ์ไม้ที่ปลูก เช่น บางวันลมแรง แดดจัด อากาศร้อน การคายน้ำย่อมมีมากอาจต้องมีการให้น้ำเพิ่มขึ้น สภาพของดินก็มีส่วนสำคัญต่อการให้น้ำ  ดินบางชนิดอาจต้องรดน้ำบ่อย ๆ เนื่องจากดินไม่สามารถเก็บกักน้ำไว้ได้ ดังนั้นผู้ปลูกจึงต้องเรียนรู้ถึงความ ต้องการน้ำของพืชที่ปลูกด้วยตัวเองในระยะแรกของการปลูกซึ่งจะทำให้ทราบว่าจะต้องให้น้ำวันละกี่ครั้ง หรือ กี่วันครั้ง
            2. การพรวนดิน เพื่อกำจัดวัชพืชควรทำทุก 10 วัน ถ้าเป็นพื้นที่ขนาดเล็ก เช่น แปลงขนาด 4 X 4 เมตร อาจใช้เสียมมือ หรือ ส้อมพรวน ค่อย ๆ พรวนดินระหว่างแถวที่ปลูกพืช แต่ถ้าเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ก็ควรใช้จอบพรวน การพรวนดินบริเวณที่มีรากฝอยจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างรากฝอยมากขึ้น แต่ต้องระวังอย่าไปตัดรากพืชโดยเฉพาะรากแก้ว เพราะจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโตได้
            3. การให้ปุ๋ย ถึงแม้ว่าเวลาเตรียมดินจะมีการใส่ปุ๋ยลงในแปลงแล้วก็ตามแต่ก็ควรให้ปุ๋ยที่เป็นธาตุอาหารแก่พืชเพิ่ยง เร่งในส่วนที่เราต้องการ เช่น ปุ๋ยยูเรีย เพื่อเร่งการเจริญเติบโต

ประเภทของไม้ประดับ 5

ประเภทของไม้ประดับ
3. แบ่งตามความสวยงามหรือการใช้ประโยชน์จากส่วนต่าง ๆ ของพรรณไม้ แบ่งได้ดังนี้
              3.1  พืชพรรณที่มีโคนต้นหรือรากสวยงาม เช่น ไทร โพธิ์ ชวนขม 
หมากเล็กหมากน้อย  สนเลื้อย ฯลฯ


              3.2 พืชพรรณที่มีลำต้นแปลกสวยงาม เช่น ไม้ดัดไม้แคระ ปาล์มชนิดต่าง ๆ  ฯลฯ


ประเภทของไม้ประดับ 4

ประเภทของไม้ประดับ
             2.3 ไม้กอ  เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์โดยวิธีการแยกหัว หน่อหรือเหง้า ได้แก่ ขิงแดง ข่าด่าง รางทอง เขียวหมื่นปี กล้วยกำมะหยี่ เสน่ห์ขุนแผน กาเหว่าลาย หนวดปลาดุก ม้าเวียน เศรษฐีไซ่ง่อน กำแพงเงิน กาบหอย สัปปะรดสี ฯลฯ


         2.4 ไม้คลุมดิน เป็นพืชที่มีลำต้นสั้นหรือลำต้นมีลักษณะเลื้อยยาวแผ่คลุมดินได้ดี เช่น มันเทศด่าง ผกากรองเลื้อย


ประเภทของไม้ประดับ 3

ประเภทของไม้ประดับ                      
2. 2 ไม้พุ่ม  (Shrub)   เป็นพรรณไม้ที่ส่วนมากจะขยายพันธุ์โดยวิธีการตอน 
ปลูกแล้วสามารถบังคับพุ่มได้    มี   2   กลุ่ม ดังนี้
          (1) ชนิดตัดแต่งบังคับทรงพุ่มได้  เช่น หูปลาช่อน ชบาด่าง นีออน ลิ้นกระบือ เข็มเชียงใหม่ เข็มพิษณุโลก บานบุรีพุ่ม ฯลฯ


          (2) ชนิดซอยบังคับทรงพุ่ม จะใช้กับพรรณไม้ที่ต้องการให้ออกดอก  และต้องการควบคุมความสูงของทรงพุ่ม เช่น เฟื่องฟ้า เข็มปัตตาเวีย เข็มมาเลเซีย เล็บครุฑ โกสน ฯลฯ

ประเภทของไม้ประดับ 2


 ประเภทของไม้ประดับ
 2. แบ่งตามลักษณะรูปทรงของลำต้น ใบ ได้แก่พรรณไม้ที่มุ่งเน้นความสวยงามที่รูปทรงของ
ลำต้น พุ่ม ใบ แบ่งได้ดังนี้
          2.1. ไม้ยืนต้น (Treeส่วนมากเป็นพรรณไม้ที่ต้องขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด มีอายุยืนนานหลายปี มีดังนี้
          1. ไม้ยืนต้นใบเลี้ยงคู่  ได้แก่  ไม้ให้ร่มเงา เช่น ประดู่แดง ประดู่บ้าน จามจุรี ทองกวาว คูณ นนทรีย์ ตะแบก เสลา พิกุล ลั่นทม ไทร ชงโค ฯลฯ  และไม้ยืนต้นที่มีลักษณะพิเศษของลำต้น ใบ หรือทรงพุ่มสวยงาม เช่น เฟื่องฟ้าตอ โมกตอ ไม้ดัดไม้แคระ ซองออฟอินเดีย ฯลฯ


          2. ไม้ยืนต้นใบเลี้ยงเดี่ยว เช่น จันทน์ผา ปาล์มชนิดต่าง (จั๋ง อินทผลัม ปาล์มน้ำมัน ตาล หมากเขียว 
หมากเหลือง หมากนวล ฯลฯ)



ประเภทของไม้ประดับ 1

ประเภทของไม้ประดับ 1
1. แบ่งตามความต้องการแสงในการเจริญเติบโตสามารถแบ่งได้ 2 ประเภทคือ
               1.1 พืชในร่ม  เป็นพืชที่ต้องการความเข้มของแสงต่ำ  ควรปลูกในที่ร่ม มี
แสงรำไร จะทำให้พืชมีการสังเคราะห์แสงดี อย่าให้ถูกแดดจัด  เพราะจะทำให้ใบไหม้และตายได้ เช่น เฟิร์นต่าง ๆ 
สาวน้อยประแป้ง  บอนสี เป็นต้น


1.2  พืชกลางแจ้ง  เป็นพืชที่ต้องการความเข้มของแสงสูง จึงจะทำให้ขบวนการสังเคราะห์แสงของพืชทำได้ดี  พืชประเภทนี้จึงต้องปลูกกลางแจ้ง ถูกแดดจัดตลอดทั้งวัน เช่น กุหลาบ เข็ม ยี่โถ ดาวเรือง ดาวกระจาย  ชวนชื่น   เฟื่องฟ้า  เป็นต้น

ความสำคัญของไม้ประดับ

ความสำคัญของไม้ประดับ
         ไม้ประดับมีความสำคัญ  ดังนี้
1.      สามารถทำเป็นอาชีพหลักและอาชีพเสริม  การปลูกไม้ดอกไม้ประดับ  สามารถทำ
เป็นอาชีพของเกษตรกรได้เป็นอย่างดี  สร้างรายได้ให้แก่ผู้ผลิตปีละจำนวนมาก ๆ
2.      ทำให้สภาพแวดล้อมเกิดความร่มรื่นสวยงาม  การปลูกไม้ดอกไม้ประดับ   ช่วยสร้าง
ความร่มรื่นสวยงามให้แก่สถานที่ต่าง ๆ  ให้น่าอยู่น่าอาศัย  สร้างความเพลอดเพลิน
3.      เป็นแหล่งวัตถุดิบทำให้เกิดอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น  อุตสาหกรรมผลิตน้ำหอม 
เครื่องสำอาง  อุตสาหกรรมด้านยารักษาโรค  ตลอดจนอุตสาหกรรมผลิตอาหารสัตว์ต่าง ๆ เป็นต้น
4.      ก่อให้เกิดอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว  เมื่อมีการรวมตัวกันผลิตไม้ดอกไม้ประดับ
จำนวนมาก  ทำให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร  เกิดอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว  สามารถสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนและส่วนรวมอีกทางหนึ่งด้วย 
5.      ไม้ประดับสามารถส่งเป็นสินค้าออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ  สร้างรายได้เป็น
มูลค่านับพันล้านบาทต่อปี เช่น การส่งออกกล้วยไม้ทั้งต้นและดอกไปขายยังต่างประเทศ เป็นต้น
6.      ใช้เป็นแหล่งทดลองทางวิทยาศาสตร์การเกษตร  ทำให้เกิดความเจริญด้าน
เทคโนโลยีการเกษตรมากยิ่งขึ้น